ประโยชน์ของสเต็มเซลล์ ช่วยฟื้นฟูร่างกายเรื่องอะไรบ้าง รักษาโรคได้จริงหรอ?
หากพูดถึงสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด เรามักนึกถึงคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการชะลอวัยไปจนถึงการฟื้นฟูและป้องกันโรคบางชนิด วันนี้เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักประโยชน์ของสเต็มเซลล์ให้มากขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลหรือทางเลือกในการฟื้นฟูร่างกายในอนาคตอย่างถูกต้อง สเต็มเซลล์ช่วยเรื่องอะไร? สเต็มเซลล์สามารถรักษาโรคอะไรได้บ้าง? ตอบทุกคำถามที่คุณสงสัยได้ที่นี่
1. สเต็มเซลล์ช่วยป้องกันและฟื้นฟูร่างกายอย่างไรได้บ้าง
- สเต็มเซลล์จะกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและหลอดเลือดใหม่ๆ
คุณสมบัติหลักของสเต็มเซลล์คือ ความสามารถในการแบ่งตัวสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่บาดเจ็บหรือเสียหายไป ซึ่งการฉีดสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดเข้าสู่ร่างกายจะช่วยทดแทนเซลล์เก่าที่เสียหาย รวมถึงเซลล์ตัวอ่อนที่เข้าไปใหม่ยังสามารถเปลี่ยนตัวเองไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ของอวัยวะในร่างกายได้ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เซลล์ตับอ่อน และเซลล์ประสาท เป็นต้น
- สเต็มเซลล์ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย
การฉีดสเต็มเซลล์จะช่วยลดการอักเสบของร่างกาย โดยการหลั่งสารอินเตอร์ลิวคิน (Interleukin), ไซโตไคน์ (Cytokine) ที่สามารถช่วยยับยั้งการอักเสบ ช่วยชะลอความเสื่อมจากโรคที่รุนแรงจากการอักเสบได้ เช่น โรคกลุ่มภูมิคุ้มกันผิดปกติ (Autoimmune) รวมถึงการฉีดสเต็มเซลล์บริเวณข้อเข่าเพื่อลดการอักเสบและลดอาการปวดเข่าจากความเสื่อมของข้อเข่าได้ เป็นต้น
- สเต็มเซลล์ช่วยชะลอวัย ซ่อมแซมความเสื่อมตัวของร่างกาย
ในด้านความสวยความงาม สเต็มเซลล์ยังสามารถนำมาใช้ในการชะลอวัย (Anti-Aging) เพื่อเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ โดยการฉีดสเต็มเซลล์เฉพาะที่ เช่น ฉีดสเต็มเซลล์ที่ใบหน้าเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ ลดฝ้าและกระ เนื่องจากสเต็มเซลล์จะเข้าไปสร้างคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งการฉีดสเต็มเซลล์บริเวณศีรษะเพื่อกระตุ้นการสร้างรากผมหรือช่วยให้เส้นผมดูหนาและแข็งแรง ก็เป็นอีกหนึ่งการใช้ประโยชน์จากสเต็มเซลล์ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน
2.สเต็มเซลล์แต่ละชนิดช่วยฟื้นฟูร่างกายแตกต่างกัน
จากการศึกษาเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ทางการแพทย์ พบว่าสามารถจัดเก็บสเต็มเซลล์ได้จากหลายแหล่งที่มา และการนำไปใช้ประโยชน์นั้นจะแตกต่างกันไปตามแหล่งต้นกำเนิดที่ได้ทำการจัดเก็บ และเพื่อตอบคำถามว่าสเต็มเซลล์ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง? มาติดตามไปพร้อมกัน ดังต่อไปนี้
- สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ Cord Blood (CB) เป็นสเต็มเซลล์ที่เก็บได้จากเลือด ช่วยในการฟื้นฟูโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือดโดยเฉพาะ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และธาลัสซีเมีย
- สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือ Cord Tissue (CT) หรือ MSCs สเต็มเซลล์ชนิดมีเซนไคมอล มีความสามารถในการแบ่งตัวเป็นเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ จึงมักถูกนำไปใช้ในการรักษาผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับความเสื่อม เช่น ภาวะข้อเข่าเสื่อม, การรักษากระดูกอ่อนผิวข้อแตกในข้อเข่า, โรคเบาหวานชนิดที่ 1, โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงการช่วยฟื้นฟูโรคระบบภูมิคุ้มกัน, ตับ, ระบบประสาท, กล้ามเนื้อ และต่อมไร้ท่อ เป็นต้น
- สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อหุ้มรก Amnion Tissue (AT) มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อได้หลายชนิด และยังเป็นสเต็มเซลล์ที่เข้ากับผู้รับได้ทุกคน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในเครือญาติหรือครอบครัวเดียวกัน โดยมีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูโรคเกี่ยวกับโรคตับ, สมองและระบบประสาทได้ดี เช่น อัลไซเมอร์, โรคพาร์กินสัน, โรคหลอดเลือดสมองและการบาดเจ็บกระดูกสันหลัง
- สเต็มเซลล์สกัดจากรก Placenta สารสกัดจากรกของมนุษย์ มีเอนไซน์และสารชีวภาพสำคัญไว้มากมาย เช่น สารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอ, ดีเอ็นเอ, เปปไตด์, กรดอะมิโน, โปรตีนและไขมัน ซึ่งช่วยในการฟื้นฟูและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุลโดยเฉพาะในช่วงวัยทองและช่วยในระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย
ความก้าวหน้าของการศึกษาสเต็มเซลล์ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อเพิ่มบทบาทของสเต็มเซลล์ ในการช่วยดูแลสุขภาพและป้องกันโรคบางชนิดตั้งแต่เนิ่นๆ ในปัจจุบันเรามีทางเลือกการรักษาร่วมด้วยการฉีดสเต็มเซลล์เพื่อฟื้นฟูร่างกายแบบองค์รวมได้ที่ R3 Life Wellness Center ดูแลโดยทีมแพทย์ดีกรีอเมริกันบอร์ดด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) และได้รับการรองรับจากสมาคมเซลล์บำบัดแห่งประเทศไทย ในการใช้สเต็มเซลล์คุณภาพสูง ผ่านการคัดสรรและเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการภายใต้การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก สามารถเข้ารับคำปรึกษาพร้อมรับบริการได้ตลอดระยะเวลาทำการ
รายละเอียด STEM CELL THERAPY คลิก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองเวลาเข้ารับบริการ ได้ที่
R3 Life Wellness Center 42 อาคาร ไอ ซี พี ชั้น 4 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.
โทร. 0 2233 8000, 088 689 8888
Facebook: https://www.facebook.com/r3lifewellness
Line: @r3lifewellness
