ในชีวิตประจำวันของเรา แต่ละวันต้องเผชิญกับมลภาวะและสารพิษที่แฝงตัวเข้าสู่ร่างกายได้ตลอดเวลา สารพิษเหล่านี้คือตัวการที่ทำให้สุขภาพอ่อนแอ และเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ ซึ่งกระทบกับความสุขและคุณภาพชีวิตของเรา โดยหนึ่งในสารพิษที่เป็นอันตราย ต้องเร่งกำจัดออกจากร่างกายก็คือสารโลหะหนัก
Chelation คืออะไร กำจัดโลหะหนักจากร่างกายได้อย่างไร
chelation คือการกำจัดสารโลหะหนักออกจากร่างกาย โดยใช้สารละลายที่เรียกว่า EDTA (Ethylene Diamine Tetra Acetic Acid) ผ่านน้ำเกลือเข้าไปล้างพิษในหลอดเลือด สารละลาย EDTA นี้จะเข้าไปจับสารโลหะหนักและแคลเซียมส่วนเกินที่ตกค้างในผนังหลอดเลือดของเรา แล้วขับออกมาทางปัสสาวะ การทำ chelationtherapy แบบนี้จะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ต่อครั้ง ขณะที่ให้น้ำเกลือก็สามารถทำกิจกรรมสบาย ๆ อย่างดูหนัง ฟังเพลงได้ และยังกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ภัยเงียบจากโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย
โลหะหนักสามารถปะปนเข้าสู่ร่างกายได้ทุกเมื่อจากการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่เฉพาะคนที่ทำงานคลุกคลีกับสารพิษ แต่คนทั่วไปก็ได้รับโลหะหนักที่แฝงมากับน้ำ อากาศ และอาหาร รวมทั้งของใช้ทั่วไปอย่างเครื่องสำอาง หรือวัสดุที่ใช้อุดฟัน
โลหะหนักที่พบในร่างกายส่วนใหญ่ได้แก่ สารหนู ปรอท ตะกั่ว สังกะสี เป็นต้น สารเหล่านี้สลายตัวช้าจึงสะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน โดยเราสามารถตรวจหาสารโลหะหนักในร่างกาย โดยไม่ต้องเจาะเลือด หรือตรวจในระดับเนื้อเยื่อด้วยเครื่อง Oligoscan ซึ่งตรวจพบได้แม่นยำที่สุดผลจะถูกส่งไปวิเคราะห์ที่ประเทศฝรั่งเศสและส่งกลับมาภายใน 10 นาที การตรวจและกำจัดสารโลหะหนักออกจากร่างกายจะช่วยให้สุขภาพดี และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอีกด้วย
อันตรายจากโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย
สาเหตุที่เราต้องทำ chelationtherapy เพื่อกำจัดสารโลหะหนัก เพราะสารพิษชนิดนี้จะเข้าไปทำลายผนังเซลล์ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ส่งผลต่อหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดอักเสบ หลอดเลือดแข็ง มีลิ่มเลือดอุดตัน และยังทำให้สารอาหารไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่ดีเท่าที่ควร นำมาซึ่งความเสื่อมของร่างกาย อาทิ เซลล์ในร่างกายเริ่มเสื่อม กลายพันธุ์ ก่อให้เกิดมะเร็ง โรคเรื้อรัง และอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้น คนที่ใส่ใจสุขภาพจึงมองว่า chelationtherapy คือวิธีหนึ่งที่ช่วยขจัดสารพิษ และทำให้สุขภาพดีในระยะยาว
สัญญาณเตือนด้านสุขภาพจากสารพิษในร่างกาย
สารพิษจำพวกโลหะหนักส่งผลต่อร่างกายในหลายด้าน โดยพบว่า ก่อนทำ chelation หลายคนจะพบความผิดปกติของร่างกายมาก่อน ได้แก่
- มีการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีสมาธิ ปวดศีรษะเป็นประจำ
- เริ่มปวดเมื่อยตามร่างกาย ข้อ กระดูก
- การขับถ่ายมีปัญหา มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
- หอบหืด ภูมิแพ้
- มีปัญหาผิวพรรณ หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง
- อ้วนง่าย เพราะระบบเผาผลาญไม่มีประสิทธิภาพ
- เบื่ออาหาร มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน
- ชาตามมือและเท้า
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็ง
Chelation เหมาะกับใครบ้าง
เมื่อเริ่มมีสัญญาณเตือนเรื่องสุขภาพ หรือมีอาการเจ็บป่วย chelationtherapy จึงเป็นทางออก โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการต่อไปนี้
- ผู้ที่สัมผัส หรือทำงานใกล้ชิดกับสารเคมีเป็นเวลานาน
- ผู้ชาย และผู้หญิงที่วางเเผนเก็บไข่และวางเเผนตั้งคงครรภภ์
- ผู้ที่ละเลยด้านโภชนาการ ชอบรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น หวาน มัน ปิ้งย่าง ของทอด และเนื้อสัตว์
- ผู้ที่มีโอกาสรับสารพิษในชีวิตประจำวันเป็นปริมาณมาก เช่น สูบบุหรี่ หรือใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจปนเปื้อนโลหะหนัก
- ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง
- รวมถึงคนที่ตรวจสุขภาพแล้วพบคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (Calcium score)
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วน
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย เครียดสะสม คนที่มีอาการภูมิแพ้บ่อยๆ หรือผื่นลมพิษขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่อยากมีสุขภาพดี เน้นป้องกันก่อนเกิดโรคภัย chelationtherapy ก็จะช่วยป้องกันจากโรคมะเร็งและเส้นเลือดอุตันได้อย่างดี
ประโยชน์ของการทำ Chelation
เนื่องจาก chelation คือการขจัดสารพิษออกจากร่างกายที่ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพ chelation จึงมีประโยชน์หลายด้านดังนี้
- กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ลดการอุดตันในหลอดเลือด
- ลดความดันโลหิต
- ลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ
- ลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด
- ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
- ลดโอกาสเกิดโรคอัลไซเมอร์
- บำบัดอาการอ่อนเพลีย
- ลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง
chelation คือทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ เพราะสารพิษที่สะสมในร่างกายนำมาซึ่งโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น การป้องกันก่อนแก้ไขจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการปิดประตูความเสี่ยงด้านสุขภาพ และนำไปสู่ร่างกายที่แข็งแรง