ขอให้ไม่แพ้ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วย 5 วิตามินสำคัญ 
อยากให้ทุก ๆ วันของคุณเต็มไปด้วยความรู้สึกสดชื่น แข็งแรง ไม่ต้องกังวลกับการเจ็บป่วยบ่อยๆ ไม่ต้องคอยกินยาแก้แพ้ใช่ไหม? การมีภูมิคุ้มกันที่ดีช่วยให้ร่างกายรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ ฝุ่น PM 2.5 หรือการเปลี่ยนแปลงของอากาศ แต่ถ้าภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาการอย่างจาม คัดจมูก หรือคันตามตัวก็อาจกลายเป็นปัญหากวนใจในแต่ละวัน
มาเสริมเกราะป้องกันให้ร่างกายด้วย 5 วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดอาการแพ้และทำให้ทุกวันของคุณสดชื่นกว่าที่เคย!
รู้จักโรคภูมิแพ้ให้มากขึ้น
โรคภูมิแพ้ (Allergy) เกิดจากภาวะที่ร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นไรฝุ่น ฝุ่น PM 2.5 ละอองเกสร ขนสัตว์ อาหาร หรือมลภาวะรอบตัว หากลองสังเกตจะเห็นว่าบางคนเจอฝุ่นแล้วไม่เป็นไร แต่บางคนคัดจมูกทันที หรือบางคนกินอาหารทะเลได้หมด แต่บางแพ้กินกุ้งแล้วหน้าแดง ผื่นขึ้น หายใจไม่ออก สาเหตุเพราะภูมิคุ้มกันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยโรคภูมิแพ้นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อร่างกายตรวจจับสารก่อภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันจะปล่อยสารฮิสตามีน (Histamine) ออกมา เพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งเจ้าฮิสตามีนนี่แหละ เป็นตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้
แล้วภูมิแพ้มีแบบไหนบ้าง?
- ภูมิแพ้อากาศ อาการคือ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก พบบ่อยที่สุด
- ภูมิแพ้ผิวหนัง ตามร่างกายจะมีผื่นแดงขึ้น รู้สึกคันยิบ ๆ
- ภูมิแพ้อาหาร เมื่อกินกุ้ง นม ไข่ ถั่ว แล้วคันคอ แน่นหน้าอก หรือหนักสุดคือช็อก
- ภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง หากเข้าใกล้แมวหรือสุนัขจะจามไม่หยุด ตาแดงและคันตา
สาเหตุหลักของการเกิดโรคภูมิแพ้
- เกิดจากกรรมพันธุ์ หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นภูมิแพ้ มีโอกาสที่ลูกจะเกิดภูมิแพ้สูงถึง 50-80% เนื่องจากยีนที่เกี่ยวข้องกับภูมิแพ้สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้
- สิ่งแวดล้อมและมลภาวะ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น การเพิ่มขึ้นของฝุ่น PM 2.5 ควันจากยานพาหนะหรืออุตสาหกรรม และมลภาวะต่าง ๆ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงเกิดภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น
- อาหารและไลฟ์สไตล์ การกินอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้ หรือขาดการออกกำลังกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและทำงานผิดปกติ รวมถึงการเจอสารเคมีในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำหอม หรือสารทำความสะอาดก็อาจกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้
5 วิตามินและสารอาหารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
แค่การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ไม่เพียงพอ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยป้องกันการเป็นโรคภูมิแพ้ได้ โดยหนึ่งตัวช่วยที่จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงพร้อมสู้กับโรคต่าง ๆ คือ การได้รับวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วนและเพียงพอ
- วิตามิน C เป็นหนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่สุดในการเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือเซลล์ภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ แต่วิตามิน C เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่รับประทาน โดยวิตามิน Cพบมากในผักและผลไม้สด เช่น ส้ม ฝรั่ง กีวี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี มะเขือเทศ บร็อคโคลี ปวยเล้ง เป็นต้น ทั้งนี้วิตามิน C เป็นวิตามินที่เสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ แสง ความร้อน และความชื้น
- วิตามิน D ช่วยในการควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ทำงานได้อย่างสมดุล ไม่มากเกินไปจนเกิดการอักเสบหรือทำงานน้อยเกินไปจนทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่ายจึงช่วยป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้และยังเสริมการทำงานของสารแอนติบอดี ซึ่งเป็นโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรียและไวรัส โดยวิตามิน D พบมากในตับ ปลาไขมันสูง ไข่ เห็ด และนม เป็นต้น
- โพรไบโอติก (Probiotics) ช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน โดยการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยควบคุมการอักเสบในระบบทางเดินหายใจและเพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกัน โดยร่างกายสามารถได้โพรไบโอติกจากอาหารที่รับประทาน เช่น กิมจิ ชีส มิโสะ เทมเป้ โยเกิร์ต ผักกาดดอง ถั่วเน่า และนมเปรี้ยว เป็นต้น
- กลุ่มโอเมก้า 3 (Omega 3) ช่วยลดอาการอักเสบ ปรับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยในการตอบสนองต่อเชื้อโรค และสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดี พบได้ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลากะพง แต่อาหารกลุ่มนี้อาจมีส่วนไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่นอนก่อนว่าแพ้อาหารทะเลหรือไม่ นอกจากนี้ยังพบมากในเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง และผักใบสีเขียวเข้ม
- แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน โดยการควบคุมการทำงานของทั้งเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรค และเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้เกิดการตอบสนองที่ผิดปกติ โดยแร่ธาตุสังกะสีส่วนใหญ่พบอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ หอยนางรม ปลา ไข่ นม และธัญพืชต่างๆ
ทานวิตามินทุกวัน แต่ร่างกายได้รับเพียงพอแล้วหรือยัง?
ทุกวันนี้ หลายคนหันมาเสริมวิตามินกันเป็นเรื่องปกติ แต่เคยเช็กไหมว่า วิตามินที่กินอยู่ให้โดสที่เข้มข้นพอสำหรับร่างกายหรือเปล่า? เพราะแต่ละแบรนด์มีสูตรเฉพาะต่างกัน ไม่ใช่ว่าทุกตัวจะให้ปริมาณสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของคุณ แต่ถ้าอยากให้ร่างกายได้รับวิตามินแบบเต็มที่และดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การดริปวิตามินเป็นอีกทางเลือกที่เหนือกว่า เพราะช่วยให้สารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ไม่ต้องผ่านระบบย่อยอาหาร ลดการสูญเสียสารสำคัญ แถมยังเห็นผลเร็วกว่า รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มที่ การเลือกวิตามินที่มีความเข้มข้นเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในการดูแลสุขภาพ
การดริปวิตามินเข้าสู่ร่างกาย
โปรแกรมการให้สารวิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านหลอดเลือดดำทางสายน้ำเกลือ เพื่อเพิ่มปริมาณสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยบำรุงและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบของร่างกายส่วนที่เสื่อมสภาพ ทั้งนี้การให้วิตามินทางเส้นเลือดสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต้านอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำร้ายผิวและอวัยวะต่าง ๆ เป็นการบำรุงรักษาทั้งอวัยวะภายในและผิวพรรณภายนอก กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ปรับสมดุลให้ภูมิคุ้มกันของร่ายกาย เหมาะกับคนทั่วไปที่อยากเสริมภูมิคุ้มกันให้ตนเองและผู้ที่อ่อนเพลีย ป่วยบ่อย หรือป่วยง่ายให้แข็งแรงขึ้น
วิตามินแบบเม็ด VS ดริปวิตามิน แบบช่วยเพิ่มภูมิได้ดีกว่ากัน?
การเลือกรูปแบบการรับวิตามินมีผลต่อการดูดซึมและการนำไปใช้ของร่างกาย การรับประทานวิตามินแบบเม็ดต้องผ่านกระบวนการย่อยและการทำงานของตับและลำไส้ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้น้อยกว่า 50% [TE1] และต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ในขณะที่การดริปวิตามิน หรือการให้วิตามินผ่านทางเส้นเลือดสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและนำไปใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมได้เต็ม 100% ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากวิธีการรับวิตามินแล้ว การเลือกชนิดของวิตามินก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะบางชนิดมีชื่อคล้ายกันแต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เช่น วิตามิน D2 และ D3 ซึ่ง D3 เป็นรูปแบบที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า หากต้องการเสริมสร้างสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรเลือกวิตามินให้ถูกต้องและเหมาะสมกับร่างกาย
สำหรับผู้ที่สนใจการดริปวิตามินเสริมภูมิคุ้นกันป้องกันโรคภูมิแพ้ ควรตรวจวัดระดับเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟตดีไฮโดรจีเนส G6PD เนื่องจากเอนไซม์นี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความแข็งแรงของเม็ดเลือดแดง สำหรับเอนไซม์ G6PD เป็นเครื่องมือคัดกรองเบื้องต้นที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยในการรับวิตามินดริป หากขาดเอนไซม์นี้ การรับวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดการแตกสลายของเซลล์เม็ดเลือดแดง (hemolysis) ซึ่งอาจนำไปสู่อาการโลหิตจางและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การตรวจ G6PD สามารถทำเพียงครั้งเดียวและใช้ผลได้ตลอดชีวิต
ทุกขั้นตอนของโปรแกรมดริปวิตามิน Super C Super boost ที่ R3 Life Wellness อยู่ภายใต้การดูแลโดยทีมแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine) โดยนำข้อมูลผลการตรวจสุขภาพมาร่วมพิจารณาออกแบบโปรแกรมพิเศษเฉพาะบุคคลให้เหมาะสม (personalized treatment) เพื่อให้ได้รับวิตามินสูตรที่ตรงจุดตามความต้องการและเกิดประโยชน์สูงสุดของคุณเอง ใครที่อยากดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอได้เลย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองเวลาเข้ารับบริการ ได้ที่
R3 Life Wellness Center 42 อาคาร ไอ ซี พี ชั้น 4 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.
- Tel.: 0 2233 8000 , 088 689 8888
- Whatsapp: (+66) 88 689 8888
- Line OA: @r3lifewellness
- Facebook: https://www.facebook.com/r3lifewellness
- Instagram: https://www.instagram.com/r3lifewellness_official/
- Flagship Location: https://maps.app.goo.gl/b3sw5oYTtTUHSM956