ข้อเข่าเสื่อมรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำอย่างไรต้องดู
เจ็บหัวเข่า ยืนเดินลำบาก ไม่คล่องตัว อาการเบื้องต้นของโรคข้อเข่าเสื่อม ที่บางครั้งก็ค่อย ๆ มีอาการทีละน้อย โดยผู้ป่วยอาจไม่ทราบว่าอาการปวดหัวเข่าเกิดจากอะไร จนเวลาผ่านไปโรคข้อเข่าเสื่อมก็เริ่มกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน
สำหรับใครที่มีอาการเจ็บหัวเข่าและกำลังมองหาวิธีดูแลตัวเอง รวมทั้งข้อห้ามโรคข้อเข่าเสื่อม แนะนำให้รีบทำการรักษาโดยเร็ว เพราะข้อเข่าเสื่อมรักษาได้ แต่จะเลือกรักษาอย่างไรจึงจะดีที่สุด บทความนี้มีคำตอบ
โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร
โรคข้อเข่าเสื่อม คือโรคที่เกิดจากกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าที่เสื่อมลง ทำให้โครงสร้างของกระดูกข้อต่อสึกหรอ ไม่มีผิวกระดูกอ่อนมาห่อหุ้มข้อเข่า กระดูกจึงเกิดการเสียดสีและกดทับจากการลงน้ำหนักตัว ทำให้มีอาการเจ็บหัวเข่า ข้อยึด หรือบวมขึ้นจนเกิดการผิดรูป และไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมอาจสงสัยว่าอาการปวดหัวเข่าเกิดจากอะไร ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ปัจจัยหลักคือ ความเสื่อมของผิวกระดูกอ่อน และอุบัติเหตุ โดยมีรายละเอียดดังนี้
อายุ : เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุด เพราะเมื่ออายุมากขึ้นผิวกระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ และเส้นประสาทจะเสื่อมตามวัย โดยเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป จะเริ่มพบว่ามีอาการปวดเข่าและเข่าเสื่อม และ 40% ของคนอายุ 60 ปี จะพบว่าเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมที่ต้องได้รับการรักษา
เพศ : เพศหญิงมีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชาย 2-3 เท่า โดยเฉพาะหญิงในช่วงหมดประจำเดือน เนื่องจากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีหน้าที่ป้องกันความเสื่อมของผิวกระดูกอ่อน ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเป็นข้อเข่าเสื่อมมากกว่าปกติ
น้ำหนักตัว : เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น 0.5 กิโลกรัม จะเพิ่มแรงกดที่ข้อเข่าถึง 1-5 กิโลกรัม ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วน จึงมีโอกาสเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ ประกอบกับเซลล์ไขมันที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อเซลล์กระดูกอ่อนและเซลล์กระดูก เร่งให้เกิดข้อเสื่อมเร็วขึ้น
การใช้งานที่มากเกินไปหรือการเคลื่อนไหวผิดท่า : เช่น ยืนเป็นเวลานาน ยกของหนักเป็นประจำ หรือขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ รวมถึงการนั่งพับเพียบ ขัดสมาธิ หรือคุกเข่า
ความบกพร่องของส่วนประกอบของข้อ : เช่น กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง ข้อเข่าหลวม ล้วนมีส่วนให้เกิดข้อเข่าเสื่อมได้เช่นกัน
อุบัติเหตุที่เกิดแรงกระแทก : ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บที่ข้อ หรือเส้นเอ็นจากการทำงานหรือเล่นกีฬา เช่น การล้มและเข่าบิด กระดูกรอบข้อเข่าหัก หรือมีเลือดออกในข้อเข่า
โรคบางชนิด : เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเกาต์ ข้อเข่าติดเชื้อ หรือโรคข้ออักเสบชนิดต่างๆ
สัญญาณเตือนและอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อม อาการจะมีตั้งแต่ระยะแรกที่เริ่มเจ็บหัวเข่า เป็น ๆ หาย ๆ ไปจนถึงเกิดความผิดปกติของกระดูกและข้ออย่างเห็นได้ชัด สังเกตได้ดังนี้
- ปวด เจ็บหัวเข่าเป็นพัก ๆ ติดต่อกันเกิน 6 เดือน
- มีเสียงกรอบแกรบในข้อเข่า และมีอาการปวดร่วมด้วย
- ข้อเข่าติด ฝืด เมื่ออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน
- เจ็บแปลบที่หัวเข่า
- ปวด บวม อักเสบ
- ข้อเข่าผิดรูป ต้นขาลีบ บิดเบี้ยว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าโรคข้อเข่าเสื่อมอาการรุนแรง ควรรีบทำการรักษา
การป้องกันและการดูแลข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย
แม้ว่าข้อเข่าเสื่อมรักษาได้ แต่ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า หากไม่อยากเจ็บหัวเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อม แนะนำให้รีบดูแลตัวเองดังนี้
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง
บางครั้งการใช้ชีวิตประจำวันก็ส่งผลให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ในระยะยาว เช่น การเคลื่อนไหวที่ผิดท่า ยืนนาน การนั่งในท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ การยกของหนักเป็นประจำ รวมทั้งการใส่รองเท้าส้นสูงก็ส่งผลต่อท่าทางการเดินและข้อเข่าได้เช่นกัน หากใครมีพฤติกรรมเหล่านี้แนะนำให้พยายามเลี่ยง หรือลดพฤติกรรมลง เพื่อถนอมข้อเข่าไม่ให้เสื่อมก่อนวัยอันควร
2. ควบคุมน้ำหนัก
ความอ้วน หรือน้ำหนักตัวที่มากเกินไปเป็นหนึ่งในข้อห้ามโรคข้อเข่าเสื่อม เพราะจะเพิ่มแรงกดบริเวณข้อต่อที่ต้องรับน้ำหนัก อย่างข้อสะโพก ข้อเข่า เพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมจึงควรควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
3. ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
จริงอยู่ว่าการออกกำลังกายจะช่วยในการควบคุมน้ำหนัก แต่การออกกำลังกายที่ผิดท่าทางก็อาจทำให้ข้อเข่าบาดเจ็บ หรือเสื่อมไว ถือเป็นข้อห้ามโรคข้อเข่าเสื่อมที่สำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาน้ำหนักตัวหรือเริ่มมีอาการปวดหัวเข่า แนะนำให้ออกกำลังด้วยการเดิน ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ รวมถึงการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อช่วยประคองน้ำหนักตัว แทนการทิ้งน้ำหนักลงบนเข่าโดยตรง
กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
- คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะเพศหญิง มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชาย
- คนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เกิน 23
- คนที่ใช้ข้อเข่าอย่างหนัก ทั้งจากการเดิน การนั่ง การยืน
- คนที่กล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง
- คนที่เคยได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า
- คนที่มีประวัติเกี่ยวกับโรคข้ออักเสบ
โรคข้อเข่าเสื่อมรักษาอย่างไร จำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่?
ข้อเข่าเสื่อม รักษาให้หายได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการปวด โดยแพทย์จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ส่วนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจะใช้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้
ข้อเข่าเสื่อมรักษาได้หลายวิธี อาทิ การใช้เวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือการทำกายภาพบำบัด ลดความฝืดของข้อต่อและช่วยให้กล้ามเนื้อโดยรอบแข็งแรง การใช้ความร้อนตื้นจากกระเป๋าน้ำร้อนช่วยประคบ และการใช้ความร้อนลึกอย่างการอัลตราซาวน์บริเวณข้อต่อ การรับประทานยาหรือทายา การฉีดยาเพื่อรักษาข้อเข่าเสื่อม ซึ่งการใช้ยาต้องอยู่ภายในคำแนะนำของแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมของยาเคมีในร่างกาย หรือส่งผลต่อระบบอวัยวะภายในอื่น ๆ การฉีดสารสร้างกระดูก (Subchondroplasty) เพื่อทดแทนกระดูกข้อที่เสื่อมไป และการฉีดสเต็มเซลล์เพื่อเข้าไปฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นวิธีกระตุ้นการฟื้นฟูร่างกายตามธรรมชาติ ทางเลือกในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างได้ผลโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน
สเต็มเซลล์ช่วยฟื้นฟูข้อเข่าอย่างไร
โรคข้อเข้าเสื่อมรักษาได้ด้วยการใช้เซลล์บำบัด (Cells Therapy) หรือการฉีดสเต็มเซลล์ข้อเข่า โดยจะใช้สเต็มเซลล์ MSCs ที่มีคุณสมบัติในการแบ่งตัวอย่างไม่จำกัดฉีดเข้าบริเวณข้อเข่าที่มีปัญหา สเต็มเซลล์จะพัฒนาไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อ กระดูกอ่อน ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ เพื่อทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพให้กลับมาดีเช่นเดิมโดยไม่ต้องใช้ยาและไม่ต้องผ่าตัด และยังใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน หลังทำสามารถเดินได้ทันที ที่สำคัญคือไม่ต้องทำกายภาพ เพราะไม่ได้ผ่าตัด ไม่ได้ใส่ข้อเข่าเทียม ไม่จำเป็นต้องให้ร่างกายปรับสภาพ
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยสเต็มเซลล์ ได้ผลดีในกลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมอาการเริ่มแรก หรืออยู่ในระยะ 1 -3 โดยแพทย์จะตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดก่อนฉีดสเต็มเซลล์ พร้อมให้คำแนะนำในการรักษาและการดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย หรือเพื่อให้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น สามารถทำร่วมกับโปรแกรม PRP ซึ่งเป็นการบำบัดโดยใช้เกร็ดเลือดเข้มข้นมากระตุ้นการทำงานของเซลล์ในจุดที่มีปัญหา ก็จะช่วยให้ข้อเข่าฟื้นฟูได้ไวขึ้นด้วย ซึ่ง R3 Life wellness Center พร้อมดูแลการทำ PRP ตลอดกระบวนการ ด้วยเครื่องมือในการดูแลที่เหนือกว่า ใช้เลือดในปริมาณไม่มาก แต่สามารถปั่นแยกชั้นไปจนถึง Growth Factor ได้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
ข้อดีของการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษา
- การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ชนิด MSCs เป็นการใช้สเต็มเซลล์จากสายสะดือซึ่งเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดีในการรักษา จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงได้
- ช่วยเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ข้อเข่าขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ จึงช่วยซ่อมแซม ฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย ทำให้ข้อเข่าเกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเรื้อรัง ได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
- ลดอาการอักเสบ และลดการเสื่อมสภาพของข้อเข่า ที่ทำให้เกิดอาการปวด บวมจากการเสียดสีของข้อต่อ ทำให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ไวกว่าการรักษารูปแบบอื่น
- การรักษาด้วยสเต็มเซลล์มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในผู้ให้บริการระดับมืออาชีพ เพราะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐานคลินิกเวชกรรม
- ไม่ต้องพักฟื้น หรือทำกายภาพบำบัดหลังจากรับการรักษา
- ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดจากกระบวนการวางยาสลบ เช่น แพ้ยาสลบ
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก ประหยัดกว่าการผ่าตัดเกือบ 5 เท่า แต่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
- ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทุก ๆ 10 ปี
รักษาด้วยสเต็มเซลล์ ต้อง R3 Life wellness Center
R3 Life wellness Center ผู้นำด้านการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ พร้อมกว่าด้วยมาตรฐานการรักษาระดับสูง
- นำทีมโดยแพทย์ดีกรีอเมริกันบอร์ด หรือ Board certified of American Board of Anti-Aging and Regenerative Medicine (ABAARM) และได้รับรองจากสมาคมเซลล์บำบัดแห่งประเทศไทย
- มีประสบการณ์รักษาในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยสเต็มเซลล์มาแล้วมากมาย และล้วนมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
- มั่นใจได้ทุกครั้งที่มีการรักษา มีใบรับรอง (certificate) ที่บอกจำนวนเซลล์ที่ได้รับให้ทุกครั้ง
- เป็นพาร์ทเนอร์กับ 2 ธนาคารเซลล์ ที่หนึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย รวมถึงเป็นอับดับ 4 ของโลก และอีกที่หนึ่งได้รับมาตรฐาน Association for the Advancement of Blood & Biotherapies (AABB) ในเรื่องการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อ จึงมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- ให้การดูแลดุจคนพิเศษ ด้วยบริการระดับพรีเมี่ยม มีห้องรับรองและห้องทรีตเทนต์ที่เป็นส่วนตัว พร้อมบริการอย่างมืออาชีพ
- ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า หรือรถส่วนตัวพร้อมบริการสำรองที่จอดรถสุด Exclusive
ปัจจุบันการใช้สเต็มเซลล์รักษาข้อเข่าเสื่อมเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ มีงานวิจัยรองรับว่ามีประโยชน์ในการกระตุ้นกระดูกให้ติดกันเร็วขึ้น ช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนได้ดี และลดการอักเสบของข้อเข่า ทั้งนี้ ผู้รับการรักษาควรเลือกใช้บริการกับคลินิกที่เชื่อถือได้ เช่นที่ R3 Life มีทีมแพทย์ดีกรีอเมริกันบอร์ดด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) และได้รับการรองรับจากสมาคมเซลล์บำบัดแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้การรักษา จึงมั่นใจได้ทั้งในแง่ผลลัพธ์และความปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถบูรณาการการรักษาด้วยสเต็มเซลล์อย่างครบวงจร ทั้งการฉีดสเต็มเซลล์รักษาข้อเข่าเสื่อม และการทำ PRP เพื่อเร่งฟื้นฟูเนื้อเยื่อไปพร้อมกัน จึงมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยั่งยืน