ตรวจสารพิษในร่างกายจำเป็นแค่ไหน ใครบ้างที่ควรตรวจ
รู้หรือไม่ว่า ในชีวิตประจำวันของเรา มีโอกาสที่สารพิษจะปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะโลหะหนักตัวการบ่อนทำลายสุขภาพ ซึ่งแฝงเข้ามาจากหลายทาง แต่เรากลับไม่เคยคำนึงถึงหรือตรวจสารพิษในร่างกายอย่างจริงจังและเลือกที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยที่ปลายเหตุ
โลหะหนัก คืออะไร?
โลหะหนัก (Heavy metals) เป็นกลุ่มของธาตุที่มีความหนาแน่นสูงกว่า 5 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ได้แก่ ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม สังกะสี ทองแดง และสารหนู พบได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไปและสามารถแฝงเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางอาหาร น้ำ ดิน หรืออากาศ หากสะสมในร่างกายมากเกินไป จะเกิดเป็นสารอนุมูลอิสระ (Free radical) สารออกซิแดนท์ (Oxidant) อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง
อาการเตือนว่าร่างกายอาจมีโลหะหนักตกค้างมากเกินไป
หากมีอาการเจ็บป่วย หรือร่างกายทำงานผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนจากการสะสมของโลหะหนัก แนะนำให้ตรวจสารพิษในร่างกาย หากมีอาการเบื้องต้นดังต่อไปนี้
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เจ็บป่วยง่ายจากภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง
- มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ
- ปวดหัวเรื้อรัง
- ปัญหาทางระบบประสาทและสมอง เช่น สูญเสียความจำหรือมีอาการซึมเศร้า สมองช้าลง
- มือเท้าชา เป็นตะคริวบ่อย
- ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ
- ผื่น ลมพิษ
ตรวจสารพิษในร่างกาย จำเป็นแค่ไหน
หลายคนอาจคิดว่าการตรวจสารพิษในร่างกายยังไม่มีความจำเป็น หรือคิดไม่ถึงว่าจะมีโลหะหนักแฝงเข้าสู่ร่างกายในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ควรทราบว่าโลหะหนักปนเปื้อนอยู่ได้ทุกที่รอบตัวเราในรูปแบบต่าง ๆ เช่น มลภาวะที่ลอยอยู่ในอากาศ เครื่องสำอาง อาหารที่เรารับประทานเป็นประจำ น้ำดื่ม หรือแม้แต่เครื่องมือการแพทย์เช่นพวกวัสดุอุดฟัน ในกลุ่มคนที่สุขภาพดีอาจสันนิษฐานได้ว่าร่างกายไม่ได้มีการสะสมของโลหะหนัก แต่ที่จริงแล้วโลหะหนักอาจกำลังบล็อกการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุในร่างกายอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งในระยะยาวจะทำให้ขาดแร่ธาตุและไม่สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาดังตัวอย่างที่กล่าวมาในหัวข้อข้างต้น
การป้องกันไม่ให้โลหะหนักเข้าสู่ร่างกายบางครั้งก็ทำได้ยากเมื่อเทียบกับการตรวจสารพิษในร่างกายและกำจัดอย่างถูกวิธี เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการเป็นตัวช่วย อย่างเช่นการตรวจ Oligoscan ที่ทำได้ง่าย และได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ช่วยให้เราวางแผนดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น เพราะทำให้ทราบระดับแร่ธาตุในร่างกาย สามารถวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม หรือรับวิตามินดริปเพิ่มเติมได้ตามต้องการ หรือทำ Chelation Therapy ในกรณีที่พบว่าร่างกายมีโลหะหนักสะสมมากเกินไป
ใครบ้างที่ควรตรวจโลหะหนักในร่างกาย
การตรวจโลหะหนักในร่างกายสามารถทำได้ในคนทุกกลุ่ม เพราะเรามีโอกาสได้รับสารโลหะหนักได้จากการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ และจำเป็นอย่างมากในคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น
- ผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีสารเคมีอันตราย
- ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง
- ผู้ที่ชื่นชอบอาหารแปรรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง ไส้กรอก รวมถึงการชื่นชอบรับประทานอาหารที่ต้องใช้อุปกรณ์ครัวตุ๋นนาน ๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยว
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ที่ใช้เคมีภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น การย้อมผม สเปรย์ หรือเครื่องสำอางบางชนิด
- ผู้ที่อุดฟันที่ใช้วัสดุจากสารอะมัลกัม หรือวัสดุอุดฟันสีเงิน
- ผู้ที่มีอาการป่วยเรื้อรังหรือไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่มีปัญหาทางระบบประสาทหรือภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างละเอียดและมั่นใจว่าไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกาย
Oligoscan กับการตรวจสารพิษในร่างกาย
หลายคนอาจสงสัยว่า Oligoscan หรือ Oligo คืออะไร คำตอบคือเป็นเครื่องมือตรวจวัดปริมาณโลหะหนักในร่างกายซึ่งได้รับการยอมรับว่าเห็นผลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ Oligoscan เป็นเครื่องตรวจวิตามิน แร่ธาตุ และโลหะหนักที่สะสมอยู่ในเซลล์ของร่างกาย ใช้หลักการวัดค่าการดูดซับแสงที่ปล่อยสู่เนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บตัว และทราบผลไว ใน 5 นาที ทั้งนี้ หากเป็นการทำ Oligoscan ของแท้ ผลการตรวจจะส่งไปที่ประเทศฝรั่งเศสและส่งรายงานข้อมูลกลับมา
วิธีการตรวจ Oligoscan ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีและทำเพียงครั้งเดียว สามารถตรวจหาโลหะหนักได้มากถึง 16 รายการ ได้แก่ อะลูมิเนียม แอนติโมนี เงิน สารหนู แบเรียม เบริลเลียม บิสมัท แคดเมียม ปรอท นิกเกิล แพลตตินัม ตะกั่ว แทลเลียม ทอเรียม อะโดลิเนียม ดีบุก และแร่ธาตุอีก 21 รายการ ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซิลิกอน โซเดียม โพแทสเซียม ทองแดง สังกะสี เหล็ก แมงกานีส โครเมียม วาเนเดียม โบรอน โคบอลต์ โมลิบดีนัม ไอโอดีน ลิเธียม เจอร์เมเนียม ซีลีเนียม กำมะถัน แป้ง รวมถึงวิตามิน 7 รายการ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินบี9 วิตามินบี12 วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี โดยไม่ต้องงดน้ำหรืองดอาหาร
การเตรียมตัวก่อนตรวจ Oligoscan
เพื่อให้การตรวจ Oligoscan ได้ผลแม่นยำ แนะนำให้พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนตรวจ รวมทั้งงดทาครีมบำรุง หรือสารเคมีใด ๆ ที่ผิว ก่อนทำจะต้องถอดเครื่องประดับ ล้างมือให้สะอาด เจ้าหน้าที่จะใช้เครื่อง Oligoscan วางบนฝ่ามือทั้ง 4 จุดเพื่อทำการตรวจวัดสารเคมี โดยขั้นตอนการทำจะไม่มีการใช้เข็มเจาะเลือด และไม่เจ็บ สำหรับใครที่กลัวเข็มสามารถทำได้ไม่ต้องกังวล
ประโยชน์ที่ได้จากการตรวจ Oligoscan
การตรวจสารพิษในร่างกายด้วย Oligoscan สามารถตรวจสารพิษที่สะสมในเนื้อเยื้อมาแล้วประมาณ 1-2 ปีได้อย่างละเอียด ต่างจากการตรวจเลือดเพราะการเจาะเลือดจะตรวจได้แค่การสะสมของสารพิษในช่วงเวลาสั้น ๆ ในขณะที่ตรวจเท่านั้น การตรวจด้วย Oligoscan จึงมีประโยชน์หลายด้าน หลัก ๆ คือ ทำง่าย ไม่เจ็บ เห็นผลไว และยังทำให้รู้ปริมาณสารโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย (Heavy metals intoxication) และยังรู้ระดับของแร่ธาตุในร่างกาย จึงนำไปวางแผนดูแลสุขภาพได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสตรีที่วางแผนตั้งครรภ์ เพราะสารพิษในร่างกายก็มีผลต่อภาวการณ์เจริญพันธุ์ จึงแนะนำให้ตรวจสารพิษในร่างกายและกำจัดออกอย่างถูกวิธี
Oligoscan หรือ Oligo คือตัวเลือกในการดูแลสุขภาพให้เต็มร้อย จึงแนะนำให้ตรวจสารพิษในร่างกายด้วย Oligoscan เพื่อเป็นข้อมูลในการรักษาโรคและเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ซึ่งการตรวจต้องเลือกคลินิกผู้ให้บริการที่ได้มาตรฐาน ที่ใช้เครื่อง Oligoscan ของแท้ ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ อย่างที่ R3 Life wellness Center ที่ไม่เพียงตรวจสารพิษในร่างกาย แต่ยังมีแพทย์ที่ออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การดริปวิตามิน การรับประทานอาหารเสริมที่ตรงกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการตรวจอย่างแท้จริง