เสื่อมสมรรถภาพทางเพศแก้ได้ คืนความมั่นใจให้ผู้ชาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย เป็นหนึ่งในภาวะที่ไม่ได้กระทบแต่เพียงร่างกาย แต่ยังรบกวนจิตใจ สูญเสียความมั่นใจเรื่องความสัมพันธ์บนเตียง จนกลายเป็นปัญหาชีวิตคู่ในระยะยาว ปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่ชายสูงวัยเท่านั้นที่ประสบกับอาการเสื่อมสมรรถภาพ แต่ยังมีแนวโน้มว่าผู้ชายที่อายุต่ำกว่า 40 ปี เริ่มมีอาการเสื่อมให้พบเห็น บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย กลุ่มเสี่ยง การรักษา เพื่อกอบกู้ทั้งสุขภาพและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย คืออะไร
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย (Erectile Dysfunction) หมายถึง ภาวะที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเพียงพอ หรือไม่สามารถคงการแข็งตัวไว้ได้นานขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์จนเสร็จกิจได้ แม้ว่าจะเป็นอาการเสื่อมที่ไม่ส่งผลอันตรายถึงชีวิต แต่นับเป็นสัญญาณบ่งชี้สุขภาพทางกายโดยรวมที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะโรคที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือด เช่น โรคเส้นเลือดสมองอุดตัน โรคหัวใจขาดเลือด
ผู้ชายจะเสื่อมสมรรถภาพ เมื่ออายุเท่าไหร่
โดยปกติแล้วฮอร์โมนเพศชายจะเริ่มลดลงเมื่ออายุ 30 ปี และจะลดลงเรื่อยๆ จนเห็นได้ชัดเมื่อถึงอายุประมาณ 50 ปี และนี่คือเปอร์เซนต์การเสื่อมสมรรถภาพในแต่ละช่วงอายุ
- ผู้ชายอายุต่ำกว่า 40 ปี พบ 5%
- ผู้ชายอายุ 40-49 ปี พบ 20%
- ผู้ชายอายุ 50-59 ปี พบ 46%
- ผู้ชายอายุ60-70 ปี พบ 73%
กลุ่มเสี่ยงโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอาจเกิดขึ้นกับผู้ชายในช่วงวัยใดก็ได้ แต่มักพบมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น นอกจากเรื่องอายุแล้ว ปัจจัยที่อาจมีส่วนเร่งให้เกิดความเสื่อมสมรรถภาพเร็วขึ้น ได้แก่
- โรคประจำตัว เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคซึมเศร้า
- ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
- ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- มีประวัติผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน ผ่าตัดหลัง ผ่าตัดต่อมลูกหมาก ผ่าตัดท่อปัสสาวะ
- เคยประสบอุบัติเหตุที่กระดูกสันหลัง อุ้งเชิงกราน และที่อวัยวะเพศ
- ยาบางชนิด เช่น ยาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรคจิตเภท ยาโรคซึมเศร้า ยาต่อมลูกหมาก
อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ 3 ระดับ
อาการน้อย คือ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จเกือบทุกครั้ง
- อาการปานกลาง คือ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จประมาณครึ่งหนึ่ง
- อาการรุนแรง คือ ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จเลย
เข้าใจกลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
มีสิ่งเร้าไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท จากนั้นจึงไปกระตุ้นให้อวัยวะเพศหลั่งสารไนตริกออกไซด์ออกมา
- สารไนตริกออกไซด์ จะกระตุ้นให้เส้นเลือดแดงในอวัยวะเพศขยายตัว 2 เท่า ช่วยให้เลือดเข้าไปในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศได้
- เมื่อเลือดเข้าไปในอวัยวะเพศแล้ว จะทำให้เนื้อเยื่ออวัยวะเพศขยายตัว และไปกดทับเส้นเลือดดำเข้ากับปลอกหุ้มอวัยวะเพศ ผลลัพธ์คือเลือดจะถูกกักเก็บไว้ในอวัยวะเพศได้ ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศอย่างเต็มที่
สาเหตุการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ส่วนใหญ่มักเกิดร่วมกันระหว่างโรคทางกายภาพและปัญหาทางจิตใจ ดังนี้
- ความผิดปกติที่เส้นเลือดในอวัยวะเพศ พบประมาณ 70% ของผู้ป่วย ถือเป็นสาเหตุหลักของโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แบ่งเป็น 3 สาเหตุ คือ
- เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
- ความผิดปกติของกลไกการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บเลือดไว้ในอวัยวะเพศได้
- เกิดความผิดปกติร่วมกันระหว่างเส้นเลือดแดงอุดตัน และกลไกการกดทับเล้นเลือดดำที่ผิดปกติ
- ความผิดปกติที่ระบบประสาท เกิดจากความผิดปกติตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ
- ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ผู้ป่วยที่จะมีความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลง (โดยเฉพาะช่วงเช้า) ไม่มีแรง รู้สึกอ่อนเพลีย หรืออาจพบในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ
- ภาวะที่มีผลกระทบต่อสมองและยาบางชนิด ได้แก่ โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท การใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ยาระงับประสาท ยาต้านการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง ระดับเทสโทสเทอโรนลดลง ระดับโปรแลกตินเพิ่มขึ้น และภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากหรือน้อยเกินไป
- ความผิดปกติทางสมอง มีความเกี่ยวเนื่องทางระบบประสาท ซึ่งมีผลต่อการทำหน้าที่ทางเพศ รวมถึงเนื้องอกในสมอง และเส้นเลือดในสมองอุดตันด้วย
- มีความผิดปกติที่บริเวณไขสันหลัง เช่น ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
- เส้นประสาทส่วนปลายถูกทำลาย สาเหตุจากโรคเบาหวาน การผ่าตัดกระดูกเชิงกรานเพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้
- โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปไม่ถึงอวัยวะส่วนปลายสุดและอวัยวะเพศชาย
การรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
การรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเริ่มต้นที่การรักษาโรคประจำตัว เช่น การควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต รวมถึงการลดน้ำหนัก งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาที่อาจส่งผลต่ออาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
เพิ่มสมรรถภาพเพศชายด้วย Nebido
เนบีโด (Nebido) หรือเทสโทสเทอโรน อันเดคาโนเอท (Testosterone Undecanoate) เป็นฮอร์ไมนเทสโทสเตอโรนแบบฉีดที่ใช้เพื่อรักษาอาการต่างๆ ที่มีสาเหตุจากระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนที่ต่ำ เช่น
- การเข้าสู่วัยเริ่มเจริญพันธุ์ล่าช้า
- หย่อนสมรรถภาพทางเพศ / ความต้องการทางเพศต่ำ
- ภาวะมีบุตรยาก
- อ่อนเพลีย
- ภาวะซึมเศร้า
- การสูญเสียมวลกระดูก
- รักษาภาวะขาดเทสโทสเตอโรน (ภาวะวัยทองของผู้ชาย)
ขั้นตอนการรักษาด้วย Nebido
การรักษาด้วย Nebido ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เริ่มจากการตรวจสอบปริมาณฮอร์โมนเพศชายในซีรัม
- การรักษาจะใช้วิธีการฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ โดยฮอร์โมนจะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
- โดยมาตรฐานแล้ว ระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้ง ช่วงที่แนะนำจะอยู่ที่ 10 - 14 สัปดาห์
- จำเป็นต้องตรวจวัดระดับเลือด และผลข้างเคียงอยู่เป็นประจำ
การรักษาด้วย Nebido เหมาะกับใครบ้าง
ผู้ชายวัยทอง หรือผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำจากสาเหตุต่าง ๆ
- นักกีฬาที่ต้องการเสริมสมรรถภาพของร่างกาย เช่น นักกีฬาเพาะกาย
- ผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
การฟื้นฟูอาการเสื่อมสมรรถภาพ โดยเฉพาะที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนเพศชายต่ำ สามารถทำได้ด้วยทรีตเมนต์ Nebido เพื่อฟื้นฟูในเบื้องต้น แต่หากยังพบว่าอาการไม่ดีขึ้น แสดงว่าอาจมีปัญหาอื่นเกี่ยวกับสุขภาพร่วมด้วย ซึ่งหลายกรณีสามารถใช้ Stem Cell Therapy เพื่อแก้ไขความผิดปกติได้ เช่น เข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอย เพิ่มการไหลเวียนเลือด ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายหรืออาการอักเสบ ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) ที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Anti-Aging and Regenerative Medicine (ABAARM) ด้วยแนวทาง Personalized Treatment โปรแกรมการรักษาจึงถูกออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุด พร้อมเสริมสร้างสมดุลของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การฟื้นฟูยังดำเนินไปภายใต้มาตรฐานระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้มั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ดี ควบคู่ไปกับความสะดวกสบายจากการดูแลโดยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานสูงสุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองเวลาเข้ารับบริการ ได้ที่
R3 Life Wellness Center 42 อาคาร ไอ ซี พี ชั้น 4 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.
- Tel.: 0 2233 8000 , 088 689 8888
- Whatsapp: (+66) 88 689 8888
- Line OA: @r3lifewellness
- Facebook: https://www.facebook.com/r3lifewellness
- Instagram: https://www.instagram.com/r3lifewellness_official/
- Flagship Location: https://maps.app.goo.gl/b3sw5oYTtTUHSM956