เคยไหม? หายจากโควิดมานานแล้ว แต่ยังรู้สึกเหนื่อยง่าย สมองตื้อ ปวดเมื่อยไม่หาย มองไปตามตัวก็มีผื่นแดงลักษณะแปลก ๆ ขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าคำตอบคือ “ใช่” คุณอาจกำลังเผชิญกับลองโควิด (Long COVID) อาการหลงเหลือจากการติดเชื้อที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ มาดูกันว่าอาการของลองโควิดเป็นอย่างไร ใครบ้างที่เสี่ยง และเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกับสุขภาพในระยะยาว
ลองโควิด (Long COVID) คืออะไร?
ลองโควิด (Long COVID) คือภาวะที่แม้ร่างกายจะกำจัดเชื้อโควิดไปแล้ว แต่ร่องรอยของโรคยังคงอยู่ในรูปแบบของอาการต่าง ๆ ที่ดื้อด้าน โดยอาการลองโควิดเกิดขึ้นได้กับทุกระบบในร่างกาย ทั้งระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด แต่อาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและไม่มีลักษณะตายตัว โดยข้อมูลของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS) พบว่าลองโควิดมักเกิดขึ้นต่อเนื่องและยาวนานหลายสัปดาห์ ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 12 สัปดาห์ แต่บางรายอาจมีอาการยาวนานกว่านั้น
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นลองโควิด?
- ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิด-19
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว
- ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วน
สาเหตุลองโควิด?
- สำหรับอาการลองโควิดยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีความเป็นไปได้จาก 4 สาเหตุ ดังนี้
- เชื้อไวรัสที่หลงเหลืออยู่ในอวัยวะต่าง ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
- การอักเสบที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้อวัยวะต่าง ๆ เกิดความผิดปกติ
- ผลกระทบจากกระบวนการรักษาและการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ
- ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติหลังการติดเชื้อ ส่งผลให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งเร้าไม่เหมือนเดิม
อาการลองโควิดที่พบบ่อย เช่น
- เจ็บหน้าอกหรือใจสั่น
- หายใจไม่อิ่มหรือหายใจลำบาก
- อาการไอ
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียการได้กลิ่น หรือ รับรส
- ปวดตัว
- ปวดกล้ามเนื้อ
- ปวดตามข้อ
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- เจ็บคอ
อาการลองโควิดอื่น ๆ ที่อาจพบได้ และอาจดูไม่สัมพันธ์กับการติดเชื้อโควิด-19
1.เหนื่อย เพลียง่ายกว่าปกติ
หากสังเกตตัวเองว่ารู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เพลียบ่อยกว่าที่เคยเป็นมาอาจเข้าข่ายของอาการลองโควิดได้ เพราะผู้ป่วยถึงครึ่งหนึ่งที่หายจากโรคโควิด-19 จะมีอาการเหนื่อยเพลียเรื้อรัง ทั้งเหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย บางคนอ่อนเพลียมากจนไม่สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันตามปกติได้ หรือไม่สามารถออกแรงได้เท่าเดิม แม้การตรวจสมรรถภาพทางร่างกายจะเป็นปกติก็ตาม
สาเหตุเบื้องต้นมาจากร่างกายมีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากขึ้นเพื่อตอบสนองกับเชื้อไวรัสในช่วงที่ติดเชื้อและยังคงมีผลต่อเนื่องในระยะยาว และเชื้อไวรัสที่มีผลโดยตรงต่อระบบกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการอักเสบและการทำลายกล้ามเนื้อบางส่วนจนทำให้เกิดการเหนื่อยเพลียได้นั่นเอง
2.หลง ๆ ลืม ๆ หลุดโฟกัส
อาการขี้ลืมไม่ได้เกิดกับคนสูงวัยเพียงอย่างเดียว เพราะผลกระทบจากการติดเชื้อโควิด-19 ก็ทำให้เกิดปัญหาด้านสมาธิและความจำได้เช่นกัน โดยอาการที่เกิดขึ้นคือจะรู้สึกสมองตื้อ ขาดสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่เคยทำได้นาน ๆ และบางคนนอนหลับยากส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการลองโควิดดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจมีผลต่อระบบประสาทและสมอง โดยเชื้อไวรัสอาจทำลายเนื้อเยื่อตาข่ายป้องกันของสมอง ทำให้สารสื่อประสาทต่าง ๆ ผ่านเข้าออกสมองได้มากกว่าปกติ
3.ผมร่วงทั่วบริเวณศีรษะ
ผมร่วงระหว่างอาบน้ำก็ทำให้หลายคนปวดใจแล้ว แต่อาการลองโควิดอาจทำให้ผมร่วงหนักกว่าเดิม โดยอาการที่เกิดขึ้นคือผมจะร่วงทั่วบริเวณศีรษะ โดยไม่มีแผลเป็น บางคนอาจจะร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน แต่ผู้ป่วยบางคนอาจร่วงมากถึง 1,000 เส้นต่อวัน
อาการผมร่วงหลังติดเชื้อโควิด-19 เกิดจากการติดเชื้อโดยตรง โดยเชื้อจะทำปฏิกิริยากับร่างกายทำให้เกิดการปล่อยสารก่อการอักเสบมากขึ้น ส่งผลต่อระบบภายในร่างกาย ทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเครียดระหว่างการรักษาตัวหรือ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา หรือการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในช่วงติดเชื้อโควิด-19
4.เป็นผื่นโควิดคล้ายลมพิษที่นิ้วเท้า มือ เท้า
ผิวหนังของเราดูแปลกไปจากเดิมหรือเปล่า? จู่ ๆ รู้สึกถึงอาการผิดปกติที่ผิวหนัง รู้สึกชา ๆ คัน ๆ เหมือนมีเข็มเล็ก ๆ ทิ่มตามผิวหนัง โดยส่วนใหญ่เกิดบริเวณที่รับน้ำหนักนาน ๆ หรือปลายมือ ปลายเท้า อาจมีผื่นซึ่งมีลักษณะเป็นผื่นแดงคล้ายเส้นใยเล็ก ๆ หรือตาข่าย อาจบวมแดง มีตุ่มน้ำ หรือมีอาการคันคล้ายผื่นลมพิษ พบมากที่บริเวณนิ้วเท้า มือ เท้าก็อาจเป็นอาการลองโควิดได้เช่นกัน
Ozone Therapy ฟื้นฟูหลังการติดเชื้อโควิด-19 จบทุกอาการเรื้อรัง กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง
จนถึงวันนี้โรคโควิด-19 ยังไม่หายไป หลายคนติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าหนึ่งรอบ บางคนมีอาการป่วยหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กว่าจะหายดีก็ใช้เวลานาน และแม้จะตรวจไม่เจอเชื้อโควิด-19 แล้วก็เสี่ยงต่ออาการลองโควิดที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน การฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การทำโอโซนบำบัด (Ozone Therapy) คือ การเติมออกซิเจนเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นวิธีเติมออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง โดยมีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการทำ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด จะเห็นได้ว่า เมื่อเริ่มเติมออกซิเจนเลือดจะเปลี่ยนสีเป็นสีที่สดใสขึ้น จึงนำกลับเข้าร่างกาย ไม่ใช่การสูดดม จึงไม่เสี่ยงต่อปอด แตกต่างกับ HBOT (Hyperbaric Oxygen Therapy) ที่ต้องนอนในอุโมงค์เพื่อสูดดมออกซิเจนโดยตรง และที่สำคัญคือไม่มีผลกระทบต่อความดันภายในร่างกาย หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่น ขึ้นเครื่องบิน หรือให้วิตามินต่อได้ทันที
ข้อดีของโอโซนบำบัดแบบนี้
- ช่วยชะลอวัย ลดการอักเสบ และกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
- บรรเทาอาการหืด เสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
- เพิ่มพลังงานระดับเซลล์ ทำให้รู้สึกสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
- กระตุ้นการทำงานของสมอง และเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต้านไวรัสได้ดีขึ้น
- เพิ่มการผลิตพลังงานในไมโตคอนเดรีย ช่วยนักกีฬาเพิ่มสมรรถภาพและลดอาการเหนื่อยล้า
- ส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับและความสมดุลของร่างกาย
ทั้งนี้ตลอดการทำโอโซนบำบัดที่ R3 Life Wellness Center จะอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยสูงสุด สามารถทำได้ทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง ลูกค้าหลายท่านสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับที่ดีขึ้น อาการภูมิแพ้ที่ลดลง ร่างกายแข็งแรงขึ้นแทบไม่ป่วย และแม้แต่ผู้ที่เคยติดโควิดก็ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โอโซนบำบัดจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์การดูแลร่างกายในระยะยาว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองเวลาเข้ารับบริการ ได้ที่
R3 Life Wellness Center 42 อาคาร ไอ ซี พี ชั้น 4 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.
- Tel.: 0 2233 8000 , 088 689 8888
- Whatsapp: (+66) 88 689 8888
- Line OA: @r3lifewellness
- Facebook: https://www.facebook.com/r3lifewellness
- Instagram: https://www.instagram.com/r3lifewellness_official/
- Flagship Location: https://maps.app.goo.gl/b3sw5oYTtTUHSM956