อายุที่เพิ่มขึ้นคือสิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะวันเวลาหมุนไปทุกวัน ร่างกายของเราก็อาจเสื่อมไปตามกาลเวลาเช่นกัน แน่นอนว่าร่างกายที่ค่อย ๆ เสื่อมลง ย่อมนำปัญหาสุขภาพมากวนใจอยู่เสมอ ตั้งแต่ปัญหาเล็ก ๆ อย่างนอนหลับยาก อ่อนล้า ไปจนถึงบ่อเกิดแห่งโรคร้ายแรงเช่น หลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง แต่ด้วยนวัตกรรมการแพทย์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เราสามารถเอาชนะความเสื่อมแห่งวัยได้ด้วยศาสตร์แห่ง anti aging หรือเวชศาสตร์ชะลอวัย กุญแจสู่ความหนุ่มสาวและสุขภาพที่สมบูรณ์
Anti-aging คือศาสตร์แห่งการชะลอวัยที่ได้รับความนิยม
ปกติแล้วเมื่อเรามีอาการเจ็บป่วย เราจะไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ยิ่งป่วยบ่อยเท่าไหร่ ก็ต้องไปพบแพทย์บ่อยเท่านั้น แต่ด้วยวิวัฒนาการด้าน anti aging ในปัจจุบัน เราสามารถขอรับการตรวจวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการเจ็บป่วยได้ พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วย เรียกได้ว่าเป็นการลงลึกถึงต้นตอปัญหาสุขภาพอย่างแท้จริง หรือในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ อยากมีร่างกายแข็งแรง ไม่พ่ายแพ้ต่อกาลเวลา anti aging คือวิธีการชะลอความแก่ และคงความฟิตของร่างกายได้เป็นอย่างดี นี่จึงทำให้ anti aging ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน
ความชรา ต้นตอปัญหาสุขภาพเสื่อมถอย
ความชรา คือนิยามของความเสื่อมของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น หากวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์พบว่าความชรามีสาเหตุดังนี้
- การสะสมสารพิษในร่างกาย ที่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายก็สะสมสารพิษไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งจากฝุ่น ควัน สารเคมี หรือแม้แต่อาหาร
- การสะสมของอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพ
- การสะสมของน้ำตาลในร่างกาย มาจากการบริโภคแป้งและน้ำตาลในปริมาณมาก จนไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกาย และทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ
- ภาวะพร่องฮอร์โมน หรือการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น เช่น ในวัยหมดประจำเดือน ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง ทำให้นอนไม่หลับ น้ำหนักขึ้น อ้วนง่าย ผิวหนังเหี่ยวย่น ไปจนถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ กระดูกพรุน เป็นต้น
- การอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากจะสืบเนื่องมาจากภาวะพร่องฮอร์โมน คือเมื่อร่างกายเริ่มอ้วนขึ้น มีไขมันสะสม เกิดไขมันเกาะตามหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดอักเสบ และเป็นต้นเหตุหนึ่งของโรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบ
- ภาวะเป็นกรด จากกระบวนการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน ส่งผลให้ร่างกายทำงานหนักขึ้น และเสื่อมสภาพได้
- การเสื่อมสภาพของเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ ทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้น้อยกว่าวัยหนุ่มสาว
จากทฤษฎีของความชรานี้เอง ทำให้เราจำเป็นต้องใส่ใจสุขภาพอย่างรอบด้าน เน้นการป้องกันก่อนการรักษา ซึ่งศาสตร์ของ anti aging สามารถเข้ามาช่วยไขความลับในการดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดี เพราะการตรวจสุขภาพแล้วไม่พบโรค ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีโอกาสเจ็บป่วย
anti-aging คือศาสตร์ชะลอวัย ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องความงาม
เมื่อพูดถึง anti aging คนส่วนใหญ่มักคิดว่า anti aging คือวิธีชะลอความแก่ด้วยการดูแลผิวพรรณ หรือใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ anti-aging คือ องค์ความรู้ทางการแพทย์ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ให้ร่างกายคงความแข็งแรง และมีชีวิตที่ยืนยาว
นวัตกรรมด้าน anti aging ในปัจจุบัน สามารถช่วยฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้กลไกต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีสุขภาพแข็งแรงไม่แพ้วัยหนุ่มสาว ด้วยความสามารถในการตรวจวิเคราะห์สุขภาพที่ลงลึกถึงระดับเซลล์ เพื่อนำไปวางแผนในการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค และฟื้นฟูส่วนที่อ่อนแอ เหล่านี้คือสิ่งที่การตรวจสุขภาพประจำปีมอบให้ไม่ได้ จำเป็นต้องดูแลควบคู่กันไปเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ anti-aging กับสุขภาพ
อย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า anti aging ไม่ได้มีประโยชน์แค่ในเรื่องของความงาม แต่ในด้านสุขภาพ anti aging ยังมีประโยชน์อีกมาก เช่น
- ลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยเนื่องจากโรคทางกรรมพันธุ์
- ช่วยดูแลโรคประจำตัวและโรคเรื้อรังให้หายขาด หรือลดโอกาสกำเริบ
- ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ และช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานดีขึ้น
- ป้องกันการเกิดโรคภัย หรือโรคร้ายแรงจากความเสื่อมตามวัย หรือไลฟ์สไตล์ที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน
- ช่วยให้ดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น ดีกว่าการตรวจสุขภาพในโรงพยาบาล เพราะสามารถตรวจได้ลึกและละเอียดกว่าการตรวจสุขภาพโดยทั่วไป
ตัวอย่าง Anti-Aging Therapy เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
ในการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ด้วยนวัตกรรมด้าน anti-aging นั้นมีหลากหลายวิธีการ เพื่อการดูแลสุขภาพแบบตรงจุด ได้แก่
- Mesenchymal Stem Cell (MSC Stem Cell) คือการนำเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถเพิ่มจำนวนและพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้มาใช้เพื่อซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ หรือผิดปกติ ช่วยลดการปวดหรืออักเสบของร่างกาย บำรุงเซลล์ประสาทและสมอง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ในแง่ของความงาม ยังช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแผลเป็น กระตุ้นคอลลาเจน
- PRP (PLATELET RICH PLASMA) เป็นการนำเลือดในร่างกายมาปั่นแยกชั้นพลาสมาและฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย ช่วยแก้ปัญหารอยแผลเป็น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยลดริ้วรอย แก้ปัญหาผมบาง กระตุ้นให้ผมขึ้นใหม่
- Placenta คือการใช้รกของทารกมาช่วยฟื้นฟูผิวพรรณ เพราะรกทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปสู่ทารก จึงมีสารสำคัญหลายชนิด ทั้งกรดอะมิโนและโปรตีน การใช้ Placenta จะช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน ดีต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย และบำรุงผิวให้เรียบเนียน
- NAD+ หรือ Nicotinamide adenine dinucleotide คือวิธีชะลอความแก่โดยใช้อนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ซึ่งเป็นโคเอนไซม์ที่อยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย มาช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์สมอง ลดอาการอ่อนล้า ช่วยให้ความจำดีขึ้น ปกป้องระบบประสาทจากความเครียด และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายแข็งแรง
- Exosome การใช้สารที่มีประโยชน์จากอนุภาคขนาดเล็กของสเต็มเซลล์ มากระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูเซลล์ผิวอย่างลึกล้ำ นิยมใช้เพื่อการดูแลผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
- Liver Detox คือการล้างพิษตับ อวัยวะหลักที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดการสะสมของไขมันที่ตับ ช่วยในการขับสารพิษ ให้ตับที่ทำงานอย่างหนักฟื้นตัวได้ดี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
- Ozone Therapy คือการเติมออกซิเจนให้กับเม็ดเลือดแดง กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ยับยั้งเชื้อโรคและเชื้อไวรัสได้อย่างดี และยังกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย รวมทั้งลดอาการปวดตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายให้กับนักกีฬา หรือคนทำงานที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม
- Chelation Therapy การล้างสารพิษในหลอดเลือดดำด้วยสารประกอบอะมิโน EDTA ช่วยจับสารพิษในร่างกาย โดยเฉพาะสารพิษจากโลหะหนัก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ลดอาการเจ็บป่วยจากโรคภูมิแพ้ ลดคอเลสเตอรอล ลดอาการอัลไซเมอร์ เป็นต้น
- VIT D+ เป็นการเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกาย ซึ่งเป็นวิตามินที่คนส่วนใหญ่ขาด การเติมวิตามินดีจะช่วยลดอาการปวดศีรษะจากไมเกรนในช่วงรอบเดือนของผู้หญิง ลดการปวดเมื่อกล้ามเนื้อ ต้านการอักเสบ เพิ่มความต้านทานโรค และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ด้วย
- Super Antioxidant เติมสารต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างการ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ เพิ่มการไหลเวียนดเลือด เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และล้างสารพิษ
- Multivitamin เป็นการเสริมวิตามินต่าง ๆ อย่างครบเครื่อง อาทิ วิตามินบี 1 ช่วยเรื่องระบบประสาท วิตามิน B6 ช่วยชะลอวัย เร่งการเผาผลาญไขมัน แมกนีเซียม ช่วยเรื่องความแข็งแรงของกระดูกและฟัน เป็นต้น
- Skin Radiance การดูแลผิวพรรณทั่วร่างกาย เติมวิตามินและสารต่อต้านอนุมูลอิสระให้ผิวอ่อนเยาว์ ปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส
- Fat Burning การใช้แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงาน ลดไขมันสะสม
- Collagen Boost กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ปรับสมดุลผิว ลดริ้วรอย และดูแลเส้นผมให้แข็งแรง
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของนวัตกรรมด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลากหลาย และสามารถแก้ปัญหาสุขภาพได้ตรงจุด อย่างไรก็ดี เราควรศึกษารายละเอียดของแต่ละเทคโนโลยี anti aging เหล่านี้ให้ดี และควรอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ที่นำทีมโดยแพทย์ดีกรีอเมริกันบอร์ดด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) และได้รับการรองรับจากสมาคมเซลล์บำบัดแห่งประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด